BCG Matrix คืออะไร?
BCG Matrix คือ เครื่องมือวิเคราะห์ที่พัฒนาโดย Boston Consulting Group (BCG) ใช้ในการประเมินและจัดการ Portfolio ของสินค้าหรือธุรกิจ โดยพิจารณาจากสองปัจจัยหลักที่สำคัญ ได้แก่ อัตราการเติบโตของตลาด (Market Growth Rate) ซึ่งบ่งบอกถึงความน่าสนใจ และส่วนแบ่งทางการตลาดสัมพัทธ์ (Relative Market Share) ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนั้น

BCG Matrix สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?
การใช้ BCG Matrix ในการวิเคราะห์ธุรกิจ มีประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น
- เข้าใจภาพรวมของพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น มองเห็นความแตกต่างของสินค้าหรือธุรกิจต่าง ๆ ในภาพรวม
- ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำ ช่วยในการตัดสินใจว่าจะลงทุนกับผลิตภัณฑ์ใด ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ใด หรือควรตัดผลิตภัณฑ์ใดทิ้ง
- จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดสรรงบประมาณและทรัพยากรไปยังส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
- วางแผนการเติบโตได้ ช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อการเติบโตของธุรกิจ
- เปรียบเทียบกับคู่แข่ง จากการพิจารณาส่วนแบ่งทางการตลาด

BCG Matrix กับการเติบโตและส่วนแบ่งทางการตลาด
BCG Matrix แบ่งผลิตภัณฑ์หรือหน่วยธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มหลักตามอัตราการเติบโตของตลาดและส่วนแบ่งทางการตลาด เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถวางแผนลงทุน พัฒนา หรือตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะและกลยุทธ์ที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ดังนี้
1. Stars (ดาว) สินค้าที่มียอดขายดี และตลาดยังเติบโต
เป็นตัวแทนของธุรกิจหรือสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจในกลุ่มนี้มีศักยภาพในการสร้างรายได้และผลกำไรสูง แต่อาจต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำ เพราะมักจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมาก
หากเป็น Stars สามารถนำไปตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ คือควรลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
ตัวอย่างธุรกิจและสินค้าประเภท Stars
- iPhone สมาร์ตโฟนที่ขายดีและอยู่ในตลาดที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมในตลาด EV ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก
- Samsung Smart TV เทคโนโลยีใหม่พร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ ในตลาดที่ยังขยายตัวอยู่เสมอ
- TikTok แอปโซเชียลที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากทั่วโลก
2. Cash Cows (วัวนม) ขายดีมานานแต่ตลาดเริ่มอิ่มตัว
เป็นตัวแทนของธุรกิจหรือสินค้าที่มีอัตราการเติบโตต่ำ แต่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจในกลุ่มนี้ มีโอกาสเกิดกำไรสูง ส่วนใหญ่จะสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ ต้องลงทุนเพื่อโปรโมตและหาตลาดใหม่ ๆ แต่ด้วยการมีความต้องการในการลงทุนต่ำ ทำให้สามารถนำกระแสเงินสดนี้ไปใช้เพิ่มโอกาสทางการตลาดและสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มอื่นได้
หากเป็น Cash Cow สามารถนำไปตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ อย่างการรักษาความเป็นผู้นำและใช้กระแสเงินสดที่ได้ไปลงทุนในกลุ่ม Stars หรือ Question Marks
ตัวอย่างธุรกิจและสินค้าประเภท Cash Cows
- MacBook แม้จะไม่โตมากในตลาด Laptop แต่ขายดีและทำกำไรสูง
- Coca-Cola เครื่องดื่มยอดนิยมที่ครองตลาดมายาวนาน
- KitKat ช็อกโกแลตแบรนด์ดังที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบ แม้ตลาดจะไม่โตมากแล้ว
- Microsoft Office ตลาดซอฟต์แวร์องค์กรที่อาจจะดูนิ่ง แต่ยังคงทำกำไรได้อย่างเสถียร
3. Question Marks (เครื่องหมายคำถาม) เปิดตัวใหม่ ยังไม่แน่ใจว่าจะปังหรือแป้ก
เป็นตัวแทนของธุรกิจหรือสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูง แต่มีส่วนแบ่งทางการตลาดต่ำ ธุรกิจหรือสินค้าในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะสร้างกำไรได้น้อย แต่ขายได้เรื่อย ๆ ต้องเจอกับอุปสรรคบ่อย จึงมีความไม่แน่นอนสูง ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและก้าวไปเป็น Stars หรือจะถอนตัวหากมีศักยภาพไม่เพียงพอ
หากเป็น Question Marks สามารถนำไปตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ว่า ควรมีการพิจารณาว่าจะลงทุนพัฒนาให้ตอบโจทย์ลูกค้าเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด หรือทำการตลาดอื่นที่หลากหลาย
ตัวอย่างธุรกิจและสินค้าประเภท Question Marks
- Apple Vision Pro แว่น AR แบบ Mixed-Reality ที่เปิดตัวใหม่ ยังอยู่ในช่วงทดลองตลาด
- ผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ ๆ จากสตาร์ตอัป มีโอกาสเติบโตเร็ว แต่ยังไม่เป็นผู้นำ
- รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์รอง อยู่ในตลาด EV ที่เติบโตเร็ว แต่ยังไม่ได้รับความนิยมสูง
- Google Stadia ตอนเปิดตัวใหม่ เข้าตลาดเกม Cloud ที่โตเร็ว แต่ยังไม่สร้างฐานผู้ใช้
4. Dogs (สุนัข) สินค้าเก่าที่เริ่มขายไม่ออกแล้ว
เป็นตัวแทนของธุรกิจกิจหรือสินค้าที่มีอัตราการเติบโตต่ำ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดต่ำ ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจในกลุ่มนี้มักไม่สร้างผลกำไรมากนัก ด้วยอัตราการเติบโตที่ต่ำมาก อาจเป็นภาระต่อธุรกิจโดยรวมและไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนต่อไป ควรพิจารณาปรับปรุงหรือยกเลิกผลิตภัณฑ์เหล่านี้
หากเป็น Dogs สามารถนำไปตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ว่าจะลดการลงทุนลง เลิกทำ เปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นแทน หรือทำการรีแบรนด์ (Rebranding)
ตัวอย่างธุรกิจและสินค้าประเภท Dogs
- iPod ที่หมดความนิยมและแทบไม่เหลืออยู่ในตลาด
- BlackBerry แบรนด์ที่เคยรุ่งแต่ตกอันดับไปแล้วในตลาดมือถือ
- Nokia Feature Phone โทรศัพท์มือถือปุ่มกดที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ในยุคปัจจุบันอีกต่อไป
- Yahoo Mail อีเมลที่ผู้ใช้งานลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เราควรวิเคราะห์ด้วยข้อมูลล่าสุดเสมอ เพราะตำแหน่งของสินค้าใน BCG Matrix เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพตลาด ทำให้สินค้าบางชิ้นอาจอยู่ในจุดเปลี่ยน เช่น จาก Star กลายเป็น Cash Cow หรือแม้แต่ Question Mark กลายเป็น Dog ก็ได้เช่นกัน

วิเคราะห์ตำแหน่งและศักยภาพทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบ SellStory CRM & Sales Management
BCG Matrix เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ Portfolio ของธุรกิจ ช่วยให้เข้าใจสถานะของสินค้าและธุรกิจ ให้เราตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องมีการวิเคราะห์ BCG Matrix เป็นประจำ เพราะส่วนแบ่งทางการตลาดและอัตราการเติบโตตลาดมีความผันผวนอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับตลาดในแต่ละช่วงได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลจากระบบ SellStory CRM & Sales Management จะช่วยเสริมให้การวิเคราะห์ให้แม่นยำและเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น ด้วยแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ bcg matrix ทั้งข้อมูลจากระบบรายงานการขายและแดชบอร์ด เพื่อให้คุณวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ และประเมินประสิทธิภาพทีมขายได้ในมุมมองที่ชัดเจน ครบจบในระบบเดียว แถมยังมีฟีเจอร์อีกมากมาย ที่ช่วยบริหารงานขายได้ในทุกมิติให้มีประสิทธิภาพ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 095-371-7988 และแอดไลน์ @sellstory หรือ ทดลองใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ฟรี! ที่ SellStory