ความสำคัญของการปิดการขาย
การปิดการขายนั้ยอยู่ในกระบวนการสุดท้ายจากขั้นตอนและกระบวนการขายทั้งหมด เพราะเป็นขั้นตอนที่ลูกค้าต้องทำการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการของเรา ทำให้กระบวนการนี้มีความสำคัญไม่แพ้กระบวนการอื่น ๆ ที่อยู่บน Sales Pipeline เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้แล้วการที่เราสามารถปิดการขายสินค้าหรือบริการได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำกำไรได้จากการขายครั้งนี้เพียงอย่างเดียว เพราะนั่นอาจหมายถึงโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำแบรนด์ของเราให้กับลูกค้าใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
หัวใจสำคัญในการปิดการขาย
หลายคนอาจสงสัยว่าการขายที่ดีมีลักษณะอย่างไร เพราะบางคนแม้จะมีกลยุทธ์ เทคนิค และเครื่องมือที่ดีแล้วแต่ก็ยังยังไม่สามารถปิดการขายได้ ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าคุณอาจจะมองข้ามหัวใจสำคัญของการปิดการขายต่อไปนี้อยู่ก็เป็นได้
1. เข้าใจความต้องการของลูกค้า
ก่อนที่จะปิดการขายได้นักขายต้องรู้จักตัวตนของลูกค้าหรือเข้าใจความต้องการของลูกค้าก่อน ว่าลูกค้ามีความต้องการอย่างไร สิ่งไหนคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเลือกซื้อหรือใช้บริการจากเรา ยิ่งเข้าใจได้มากก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น
2. สร้างความไว้วางใจ
การสร้างความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกการขาย ยิ่งเป็นงานบริการด้วยแล้วยิ่งจำเป็นต้องมีการสร้างความไว้วางใจ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดี และได้สินค้าที่มีคุณภาพจริง นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าเพื่อโอกาสในการซื้อซ้ำได้
3. นำเสนอคุณค่า
นอกจากนำเสนอราคาหรือคุณสมบัติของสินค้าแล้ว ผู้ขายต้องให้ความสำคัญในการส่งต่อคุณค่าหรือสื่อสารให้ลูกค้าเห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการมีส่วนช่วยให้ชีวิตของผู้ซื้อดีขึ้นอย่างไรบ้าง
4. เลือกจังหวะที่เหมาะสม
หนึ่งในเทคนิคการขายแบบมืออาชีพคือการเลือกจังหวะยื่นข้อเสนอที่เหมาะสม เพราะหากเลือกจังหวะที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดันหรือถูกผูกมัดมากเกินไปอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจและมีโอกาสที่จะปิดการขายไม่ได้
5. การติดตามผล
แม้ว่าการนำเสนอในครั้งแรกจะยังไม่สามารถทำการปิดการขายได้ทันที แต่นักขายที่ดีควรมีการติดตามผลอย่างเหมาะสมและไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดัน การติดตามผลนั้นสามารถทำได้ทั้งการส่งข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม ส่งข้อมูลสินค้าใหม่ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน หรือการนำเสนอโปรโมชันให้ลูกค้าเพิ่มเติม
5 เทคนิคปิดการขาย สร้างโอกาสทำกำไรได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
เพื่อให้นักขายมือใหม่มีความมั่นใจ และสามารถปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามี 5 เทคนิคการปิดการขาย พร้อมทั้งตัวอย่างการพูดขายสินค้าและบริการแบบมืออาชีพมาแนะนำ
1. ทำให้ลูกค้ารู้สึกยินดีที่ได้ซื้อสินค้า
เทคนิคการขายแบบมืออาชีพข้อแรกคือการรับรู้ปัญหาของลูกค้าก่อน แล้วค่อย ๆ ใช้คำถามด้วยการนำเสนอประเด็นที่ลูกค้าปฏิเสธได้ยากหรือการลงท้ายคำถามด้วยคำว่า “คุณลูกค้าว่าจริงไหมคะ” หรือ “เจอปัญหาแบบนี้อยู่ใช่ไหมคะ” แล้วนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าต้องการเพื่อแก้ไขปัญหา วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจที่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น
2. ปิดการขายด้วยการถามตรง
เทคนิคการปิดการขายวิธีนี้เป็นการเสนอขายแบบตรงไปตรงมา ใช้ได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ต้องผ่านการพูดคุยและสอบถามเรื่องสินค้าจากลูกค้าจนแน่ใจแล้วว่าปิดการขายได้แน่นอน ตัวอย่างคําพูดการปิดการขายด้วยเทคนิคนี้ เช่น “ลูกค้าสนใจรับเป็นสินค้ารายการนี้เลยนะคะ” หรือ “ลูกค้าสนใจรับเป็นโปรโมชันบริการนี้เลยไหมคะ” แต่ไม่ควรใช้คำถามที่เร่งรัด หรือเป็นคำที่ไม่สุภาพโดยเด็ดขาด
3. โทรคุยเพื่อปิดการขาย
แม้ว่าจะเป็นการขายทั้งออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม หากว่าการสื่อสารด้วยวิธีพิมพ์ข้อความยังไม่สามารถปิดการขายได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการโทรศัพท์เพื่อพูดคุยปิดการขาย เพราะมีความแตกต่างกันในเรื่องของน้ำเสียงและอารมณ์ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
4. ปิดการขายด้วยการยื่นข้อเสนอ
เทคนิคการขายแบบมืออาชีพวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีคือการยื่นข้อเสนอที่มีความน่าสนใจให้กับลูกค้า เมื่อการขายแบบปกติมีแนวโน้มที่ไม่ประสบความสำเร็จ ลองเจรจาต่อรองเพื่อยื่นข้อเสนอให้กับลูกค้าพิจารณาเพิ่มเติมเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจซื้อ ตัวอย่างการพูดขายสินค้าและบริการเพื่อยื่นข้อเสนอ เช่น “ถ้าวันนี้ลูกค้าตัดสินใจซื้อครบ 5 ชิ้น ทางเรามีของสมนาคุณแถมเพิ่มให้ฟรีอีก 1 ชิ้น” หรือ “เลือกรับบริการวันนี้ ลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์รับบริการในครั้งต่อไปได้ฟรี”
5. ใช้ตัวเลขสร้างความมั่นใจ
หลายครั้งที่การโน้มน้าวด้วยประโยคพูดปกติไม่สามารถปิดการขายได้ เพราะลูกค้ายังไม่รู้สึกว่าสินค้าหรือบริการของเรามีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นการมีผลสำรวจความพึงพอใจ หรือการนำเสนอเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังใช้สินค้าหรือบริการในรูปแบบตัวเลขสถิติ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าได้มากขึ้น เช่น “หลังจากที่มีลูกค้าซื้อสินค้าของเราไปใช้ ผลปรากฏว่าช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 25% เลยนะครับ” หรือ “หลังใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรนี้ของเรา ลูกค้าจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 14 วันค่ะ”
นอกจากการใช้เทคนิคการปิดการขายเหล่านี้แล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับนักขายคือการติดตามผลหลังการขาย และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าเอาไว้ วิธีนี้ช่วยให้เกิดการซื้อหรือกลับมาใช้บริการซ้ำได้ในอนาคตอย่างแน่นอน นอกจากนี้การใช้เครื่องมือในการช่วยบริหารจัดการงานขายอย่างระบบ Customer Relationship Management หรือซอฟต์แวร์ CRM ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมขายทำงานได้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพขึ้นได้อีกด้วย
เพิ่มโอกาสทำกำไรให้ธุรกิจ ด้วยเทคนิคปิดการขายแบบมืออาชีพ
การสร้างกลยุทธ์และเทคนิควิธีปิดการขายแม้ว่าจะยังไม่ใช่นักขายมืออาชีพในวันนี้ แต่หากฝึกฝนและหาความรู้เพิ่มเติมมาเป็นอย่างดีแล้ว รับรองว่ามือใหม่ก็สามารถทำการปิดการขายได้เช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญสำหรับงานขายก็คือการสังเกตพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าให้มากที่สุด จะเป็นวิธีที่ช่วยให้นักขายมองเห็นจังหวะและโอกาสในการนำเสนอสินค้าหรือบริการได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใช้ซอฟต์แวร์หลังบ้านไว้คอยบริหารจัดการ อย่างระบบ CRM ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่คุ้มค่าต่อการลงทุนไว้ใช้งานด้วย
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาตัวช่วยในการบริหารจัดการงานให้กับทีมขาย หรือรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าเพื่อโอกาสในการปิดการขายและพิชิตยอดได้ตามเป้า ขอแนะนำระบบ CRM จาก SellStory ระบบที่ออกแบบมาช่วยให้การทำงานขายเป็นเรื่องง่าย ด้วยฟีเจอร์มากมายที่เข้าถึงได้รวดเร็ว ใช้งานง่าย และติดตามสถานะได้ในทุกขั้นตอน ช่วยให้ทุกการขายของคุณเป็นไปได้แน่นอน