ทำความรู้จัก VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม คิดอย่างไร ใครบ้างที่ต้องจด?

vat ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ
สำหรับผู้ประกอบการแล้ว เรื่อง VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และใครหลายคนก็อาจรู้สึกว่าซับซ้อนและน่าปวดหัว แต่จริง ๆ แล้ว หากเราเข้าใจหลักการที่ถูกต้อง VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด!

บทความนี้ SellStory จะพาคุณไปทำความรู้จักกันตั้งแต่พื้นฐานว่า VAT คืออะไร มีวิธีคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร และใครบ้างที่มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมรวบรวมข้อดี-ข้อเสียของการจด VAT เพื่อให้คุณบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย

เลือกอ่านจากสารบัญ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม / VAT คืออะไร?

ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า VAT คือ ภาษีที่เก็บเพิ่มในแต่ละขั้นตอนของการผลิตสินค้าหรือบริการโดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียน โดยมีผู้บริโภคเป็นคนจ่ายภาษี ปัจจุบันนี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคโดยทั่วไปในประเทศไทยคือ 7% ซึ่งคิดจากราคาสินค้าหรือค่าบริการนั้น ๆ แล้วจึงส่งมอบแก่กรมสรรพากรเพื่อรับผิดชอบต่อไป

ใครต้องจด VAT บ้าง?

เกณฑ์สำคัญในการพิจารณาการจด VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม มีดังนี้

1. ผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการเกินกว่า 1.8 ล้านต่อปี

รายได้ที่ว่านี้หมายถึง รายรับจริงที่ยังไม่หักต้นทุนหรือกำไร นั่นหมายความว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบบริษัท ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียน VAT โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน และต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) เป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หรือยื่นผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็ได้

2. ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งอยู่ในข้อบังคับว่าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

กิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ก่อสร้างโรงงาน การติดตั้งเครื่องจักร เป็นต้น

3. ผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ทำการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักร โดยมีตัวแทนอยู่ในราชอาณาจักร

เช่น ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก โดยผู้นำเข้าจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับอากรขาเข้าและภาษีสรรพสามิต (ถ้ามี) แต่สามารถขอ VAT คืนได้ภายใน 6 เดือน ส่วนผู้ส่งออกได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องออกใบกำกับภาษีและยื่นแบบแสดงรายการ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการทั้งบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ และธุรกิจที่ต้องการหักยอดภาษีขาย ก็สามารถจด VAT ได้โดยสมัครใจเช่นกัน กลับกันหากเป็นผู้ประกอบการที่เข้าเกณฑ์ แต่ประกอบกิจการโดยไม่ทำการจดทะเบียน จะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเลยทีเดียว

การจด vat ของผู้ประกอบการ

ข้อดีและข้อเสียของการจด VAT / ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อดี

  • เพิ่มโอกาสปิดยอดขาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้าที่ต้องการใบกำกับภาษีเพื่อลดภาระภาษี กิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีโอกาสปิดการขายได้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบางประเภท เช่น หน่วยงานราชการ หรือบริษัทขนาดใหญ่ ที่อาจทำธุรกิจกับคู่ค้าที่จดทะเบียน VAT แล้วเท่านั้นอีกด้วย

  • มีความน่าเชื่อถือ

การจด VAT คือ เครื่องหมายยืนยันว่าบริษัทของเราเชื่อถือได้ เพราะการจะมีหมายเลขผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้นั้น ตรวจสอบจากกรมสรรพากรและมีชื่ออยู่ในระบบของสรรพากรด้วย ช่วยให้กิจการของเราดูเป็นมืออาชีพและเพิ่มความเชื่อมั่นให้คู่ค้า

  • ขอคืนภาษีซื้อได้

หากธุรกิจของเรามีการซื้อสินค้าหรือบริการที่มี VAT สามารถนำภาษีซื้อเหล่านั้นมาหักออกจากภาษีขายได้ ทำให้ต้นทุนของสินค้าถูกลง

  • การจัดการบัญชีเป็นระบบ

การจัดทำรายงานภาษีซื้อและภาษีขายเพื่อยื่นแก่สรรพากร ต้องลงบัญชีรายการซื้อ-ขาย จึงต้องมีการเก็บเอกสารใบกำกับภาษีอย่างเป็นระบบ ทั้งยังช่วยให้การตรวจสอบและดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ข้อเสีย

  • มีงานเอกสารที่ต้องจัดการมากขึ้น

ต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่ละเอียดขึ้น ออกใบกำกับภาษี รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และยื่นแบบ ภ.พ.30 เป็นประจำทุกเดือน

  • ต้องมีความรู้เกี่ยวกับใบกำกับภาษี

เพราะใบกำกับภาษีมีเงื่อนไขและรายละเอียดปลีกย่อย การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องอาจต้องใช้เวลาหรือความรู้เฉพาะทาง

  • ไม่สามารถออกจากระบบได้ทันที

หากต้องการออกจากระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้าน เป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอออกจากการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้

  • สินค้าหรือบริการแพงขึ้น

เพราะต้องเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการ VAT 7% ทุกครั้ง

คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้ประกอบการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร?

1. การคิดภาษีมูลค่าเพิ่มจากภาษีขายและภาษีซื้อ

การคิดภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น คำนวณจากการใช้ภาษีขายและภาษีซื้อ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รู้ว่าต้องชำระเพิ่มเติมหรือสามารถขอคืนได้ แต่ก่อนจะไปเริ่มคิด VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม จำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ภาษีขาย และ ภาษีซื้อ กันเสียก่อน

  • ภาษีขาย

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการเก็บจากผู้บริโภคเมื่อขายสินค้า

  • ภาษีซื้อ

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจ่ายให้กับผู้ขายที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นกัน เมื่อซื้อสินค้า

โดยมีสูตรคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้

ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีขาย – ภาษีซื้อ

เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ภาษีขาย มากกว่า ภาษีซื้อ หมายความว่ากิจการของคุณต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้สรรพากร แต่หาก ภาษีขาย น้อยกว่า ภาษีซื้อ กิจการมีสิทธิ์ขอคืนหรือขอเครดิตภาษีได้ในเดือนถัดไป

2. การคิด VAT 7%

ส่วนการคิด VAT 7% เพื่อให้ผู้ประกอบการคำนวณต้นทุน กำไร และภาษีที่ต้องนำส่งได้อย่างถูกต้อง เพียงแค่เข้าใจสูตรพื้นฐานก็สามารถคำนวณได้แล้ว คือ

ราคาสินค้า/บริการ (ไม่รวม VAT) x อัตรา VAT (%) = ภาษีมูลค่าเพิ่ม

เช่น สินค้าราคา 100 บาท (ไม่รวม VAT) และอัตรา VAT ปัจจุบันคือ 7% จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 100 x 0.07 = 7 บาท ดังนั้น ราคาสินค้ารวม VAT จะเป็น 100 + 7 = 107 บาท

 

จด VAT / ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ที่ไหน?

ปัจจุบันนี้เราสามารถจดทะเบียนได้ 2 ช่องทางด้วยกัน คือ ติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ธุรกิจตั้งอยู่ หรือจดทะเบียนผ่านอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร ผ่าน VAT SBT ONLINE ก็ได้เช่นกัน

ระบบออกใบเสนอราคา sellstory

จัดการ VAT ให้ง่ายขึ้น ด้วยระบบออกใบเสนอราคา จาก SellStory

ไม่ว่าจะในแง่ของผู้ประกอบการหรือผู้บริโภค VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือเป็นภาษีใกล้ตัวที่ควรให้ความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น หากธุรกิจมีการบริหารจัดการ VAT ที่ดีและถูกต้องตามกฎหมาย จะส่งผลดีต่อกระแสเงินสดและความเพิ่มน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจอีกด้วย

แต่เมื่อต้องจัดการจริงก็อาจมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ การออกเอกสาร หรือการติดตามสถานะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าธุรกิจของคุณมีค่าขนส่ง ส่วนลด หรือต้องจัดการเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายเพิ่มเติม ระบบออกใบเสนอราคา จาก SellStory คือตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม

ให้การจัดการธุรกิจของคุณเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกใบกำกับภาษี ไปจนถึงการจัดการข้อมูลลูกค้าและบริหารทีมขาย Sellstory ก็มี CRM & Sales Management ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจทุกประเภท หมดกังวลกับเรื่องเอกสารและการจัดการที่ซับซ้อน

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เบอร์ 095-371-7988 หรือแอดไลน์ @sellstory และยังสามารถ ทดลองใช้ SellStory ฟรี! ได้แล้ววันนี้!

บทความที่น่าสนใจจาก SellStory CRM 

อ่านบทความ อัปเดตเทรนด์และเกร็ดความรู้ดี ๆ สำหรับงานขาย

ในยุคที่การสนทนากับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์กลายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าที่พร้อมซื้อตั้งแต่นาทีแรกที่ทักแชท ซึ่งถ้าเราตอบช้าหรือตอบได้ไม่ดีก็อาจจะเสียยอดขายไปเลยในพริบตา แต่การจะตอบแชทให้ถูกใจลูกค้าก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป...
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเข้าใจสถานะธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของเราอย่างถ่องแท้ ก็เปรียบเสมือนการมีเข็มทิศนำทาง...