แชร์ 7 ทริคการทำ Action Plan เพิ่มยอดขายง่าย ๆ ใช้ได้จริง

การทำ action plan
การเพิ่มยอดขายเป็นเป้าหมายหลักของทุกธุรกิจ และยอดขายที่เพิ่มขึ้นก็นำไปสู่การขยายธุรกิจ นั่นหมายความว่า ยอดขายเป็นตัวชี้วัดถึงความสำเร็จของธุรกิจอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น จะต้องมีกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย หรือ Action Plan ที่ชัดเจนและเป็นระบบเสียก่อน 

SellStory จึงมี 7 ทริคเด็ดในการทำ Action Plan สำหรับงานขายที่เข้าใจง่ายและใช้ได้จริงมาแชร์กัน รับรองว่าเพิ่มยอดขายได้แบบก้าวกระโดดแน่นอน!

เลือกอ่านจากสารบัญ

Action Plan เพิ่มยอดขาย คืออะไร?

Action Plan คือ แผนปฏิบัติการที่ช่วยกำหนดแนวทาง กลยุทธ์ และขั้นตอนการทำงานของฝ่ายขาย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ เช่น การเพิ่มยอดขาย การขยายฐานลูกค้า หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเดิม เป็นต้น โดยระบุขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ตั้งแต่การค้นหาลูกค้าไปจนถึงการปิดการขาย พร้อมทั้งเตรียมวิธีรับมือกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้ฝ่ายขายทำงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ ซึ่ง Action Plan ที่ดีนั้น ควรมีองค์ประกอบที่สำคัญ เช่น เป้าหมายที่ชัดเจน กลยุทธ์ วิธีดำเนินงาน ระยะเวลาที่กำหนด และตัวชี้วัดความสำเร็จ

ก่อนทำ Action Plan ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ก่อนลงมือทำ Action Plan ที่จะนำให้ฝ่ายขายของบริษัทไปสู่ความสำเร็จได้นั้น ควรมีการเตรียมตัวที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยให้วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในภายหลังได้อีกด้วย

1. กำหนดเป้าหมายและวิเคราะห์สถานการณ์

เริ่มด้วยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ ยกตัวอย่างเช่น เพิ่มยอดขาย 20% ในไตรมาสหน้า หรือ เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ 15% ภายใน 6 เดือน เป้าหมายเหล่านี้ควรระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ Action Plan นี้ช่วยให้บรรลุอะไร แล้วจึงวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ที่อาจส่งผลต่อการทำ Action Plan การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมและวางแผนได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

2. รวบรวมข้อมูลและกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจและการวางแผน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลตลาด และข้อมูลคู่แข่ง เพื่อให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการคือใคร ความต้องการของพวกเขาคืออะไร และช่องทางที่พวกเขาใช้คืออะไร เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผน Action Plan พร้อมทั้งกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้แผนการสื่อสารและการเข้าถึงลูกค้ามีประสิทธิภาพ

3. เตรียมทรัพยากรและกำหนดกรอบเวลา

เตรียมทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ บุคลากร เครื่องมือ และเทคโนโลยี ให้พร้อมสำหรับการดำเนินงานตาม Action Plan พร้อมทั้งกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว เพื่อให้ทีมงานรู้ว่าต้องทำอะไร เมื่อใด และต้องเสร็จเมื่อใด

4. สร้างทีมงานและเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

ทุกคนในทีมต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นและปรับปรุง Action Plan ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม และอย่าลืมวิเคราะห์ผลลัพธ์เทียบกับ Action Plan ที่วางไว้ เพื่อให้เห็นว่ามีอะไรที่ได้ผลและอะไรที่ต้องปรับปรุง

ตัวอย่างการทำ action plan เพิ่มยอดขาย

7 ทริคการทำ Action Plan เพิ่มยอดขายง่าย ๆ ใช้ได้จริง

ต่อไปนี้คือ 7 ทริคการทำ Action Plan ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ฝ่ายขายของบริษัทสามารถวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้กำไรทะลุเป้า!

1. ตั้งเป้าหมายที่สมจริง

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและสมจริง ในที่นี้ การตั้งเป้าหมายแบบ SMART จึงเป็นวิธีที่เหมาะสม เพราะเป็นการตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง (Specific) วัดผลได้ (Measurable) ทำได้จริง (Achievable) เกี่ยวข้อง (Relevant) และมีกรอบเวลาที่แน่นอน (Time-bound) เช่น เพิ่มยอดขาย 15% ในไตรมาสที่ 4 ทำให้ให้ทีมขายรู้ว่าต้องโฟกัสไปที่อะไร และวัดผลได้เมื่อสิ้นสุดไตรมาส การตั้งเป้าหมายในลักษณะนี้ ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้นและเพิ่มแรงจูงใจในการปิดการขายให้มากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าหมายใหญ่ ๆ นั้น อาจทำให้รู้สึกหนักใจจนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี การแบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่ายขึ้น ทำให้เห็นกิจกรรมที่ฝ่ายขายต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์ชัดเจนขึ้น เช่น หาลูกค้าใหม่ 100 ราย ก็อาจแบ่งเป็นกิจกรรมย่อย ๆ เช่น การโทรหาลูกค้า การส่งอีเมล การออกบูธ ช่วยให้คนในทีมไม่รู้สึกท้อและลงมือทำทีละขั้นได้อย่างมั่นคง

 

2. วิเคราะห์ลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

การทำความเข้าใจลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการทำ Action Plan ที่ตอบโจทย์ในการวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย โดยอาจเริ่มจากการแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่ม ตัวอย่างเช่น ลูกค้าใหม่ ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าที่หายไป พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า อย่างการเน้นสร้างแผนการรักษาความสัมพันธ์เฉพาะเจาะจงกับ Key Accounts เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่สำคัญ แล้วมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการซื้อ ความต้องการ และปัญหาของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยอาจใช้เทคนิค Cross Selling และ Upselling นำเสนอสินค้าหรือบริการเสริมที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อเพิ่มยอดขายได้ด้วย

 

3. เสริมความแข็งแกร่งให้ฝ่ายขาย

การพัฒนาทีมขายอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทแข่งขันและเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืน ช่วยให้ทีมมีทักษะ กระตือรือร้นในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน Action Plan ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถพัฒนาได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็น

  • ปรับปรุง Pipeline การขาย เช่น การติดตามงานให้ถี่ขึ้น
  • อัปเดต Presentation และ Playbook การขายให้ทันสมัย
  • ฝึกอบรมพัฒนาทีมเซลล์ด้านการสื่อสาร การปิดการขาย และการบริการหลังการขาย
  • สร้างแรงจูงใจให้ฝ่ายขาย เช่น ให้ Incentive กระตุ้นการทำงานและสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่ดี

 

4. ศึกษาและเอาชนะคู่แข่ง

หากอยากเข้าใจตลาดและวางกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม แน่นอนว่าต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียของคู่แข่ง ทั้งในแง่กลยุทธ์ทางการขายและความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงกลยุทธ์ของตนเอง จากนั้นหาความแตกต่างระหว่างสินค้าหรือบริการของเรา เพื่อจะได้นำเสนอจุดเด่นของเราให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงสร้างความได้เปรียบ ด้วยการพัฒนาสินค้าหรือบริการของเราให้โดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าคู่แข่ง ทำให้ Action Plan มีประสิทธิภาพ สามารถวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายได้โดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่ง

 

5. สร้างประสบการณ์มัดใจลูกค้า

การสร้างความประทับใจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำและบอกต่อ รวมถึงรักษาลูกค้าไว้ได้ในระยะยาว ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการให้บริการหลังการขายที่เหนือความคาดหวัง อย่างการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ให้คำแนะนำเพิ่มเติมพร้อมติดตามผล เพื่อสร้างความพึงพอใจและความประทับใจให้กับลูกค้า แล้วนำ Feedback จากลูกค้ามาปรับปรุง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าดียิ่งขึ้น และสร้างความประทับใจผ่าน Social Media, Content Marketing และ Email Marketing เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและสร้างความผูกพันกับแบรนด์ แล้วแบบนี้ Loyal Customers จะหนีไปไหนได้!

 

6. ติดตามและประเมินผล

การติดตามความคืบหน้าของ Action Plan จะช่วยให้คุณรู้ว่าแผนที่วางไว้มีประสิทธิภาพหรือไม่ และต้องปรับปรุงอย่างไร โดยอาจใช้ KPIs เพื่อติดตามความคืบหน้า เช่น จำนวน Lead ที่เปลี่ยนเป็นลูกค้า, ยอดขายที่เพิ่มขึ้น, อัตรา Conversion Rate หรือจัดประชุมทีมเซลล์เป็นประจำเพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ และปรับแผนงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้รู้ว่าเราทำตามแผนหรือไม่ สิ่งที่ทำไปแล้วได้ผลตามที่หวังไหม มีอะไรที่ต้องปรับปรุง และข้อมูลจากการประเมินช่วยให้เราตัดสินใจปรับปรุงแผนให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

7. ใช้เครื่องมือเข้าช่วย

การทำ Action Plan จะง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเข้ามาช่วยในการทำงานของฝ่ายขาย และหนึ่งในเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับทีมขายสมัยใหม่ คือ ระบบ CRM (Customer Relationship Management) และ Sales Management ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า แต่ยังช่วยสนับสนุนทุกขั้นตอนของการขายตั้งแต่การหาลูกค้าใหม่ไปจนถึงการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะช่วยตั้งแต่การจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ, เพิ่มประสิทธิภาพ Pipeline การขาย, สร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงรวมแชทและช่องทางการสื่อสารไว้ในที่เดียว

ระบบ crm เพิ่มยอดขาย

SellStory ตัวช่วยสำคัญในการทำ Action Plan ที่ฝ่ายขายไม่ควรพลาด

การทำ Action Plan เพื่อเพิ่มยอดขาย ต้องอาศัยเครื่องมือที่ช่วยให้แผนนั้นดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) & Sales Management จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจัดการลูกค้าและเพิ่มโอกาสปิดการขาย

SellStory ช่วยให้ทุกขั้นตอนของการขายง่ายขึ้น พร้อมทั้งยกระดับการทำ Action Plan ไปอีกขั้น ด้วยระบบ Customer Management เข้าถึงฐานข้อมูลลูกค้าที่ถูกต้องได้ง่าย ๆ ใช้งานต่อได้อย่างไม่ต้องกังวล แถมยังนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Key Feature เหล่านี้

  • สร้างและปรับแต่งกระดานงาน Job Board ได้ตามต้องการ ช่วยให้เห็นภาพรวมและจัดการงานขายได้อย่างเป็นระบบ
  • เก็บและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าไว้ในที่เดียวบน Job Card ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
  • รองรับการทำงานเป็นทีม ช่วยให้การประสานงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  • ทีมสามารถแชร์ความเห็นและไอเดียต่าง ๆ ผ่าน Job Card ได้อย่างอิสระ ช่วยให้ภายในทีมเข้าใจ Customer Insight มากขึ้น และนำข้อมูลไปต่อยอดในการวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
  • ดูสรุปยอดขายได้อย่างชัดเจนตามสถานะ ช่วยให้เห็นภาพรวมของยอดขายและประสิทธิภาพของทีมขาย นำข้อมูลมาพัฒนากลยุทธ์ได้อย่างตรงจุด

 

การทำ Action Plan เพื่อเพิ่มยอดขายจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำ และการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การนำทริคเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยให้มี Action Plan แข็งแกร่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ส่งผลให้มีการเพิ่มยอดขายได้ในระยะยาว

ซึ่งนำฝ่ายขายไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน


สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มยอดขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น SellStory ช่วยให้ การทำ Action Plan ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ SellStory ไม่ได้เป็นแค่ CRM แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การทำ Action Plan มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สมัครใช้งานฟรี และค้นพบศักยภาพของฝ่ายขายของคุณได้เลยวันนี้ ที่ SellStory

บทความที่น่าสนใจจาก SellStory CRM 

อ่านบทความ อัปเดตเทรนด์และเกร็ดความรู้ดี ๆ สำหรับงานขาย

การเพิ่มยอดขายเป็นเป้าหมายหลักของทุกธุรกิจ...