Sales Dashboard ตัวช่วยสำคัญในการดูแลทีมขายและวิเคราะห์ภาพรวมยอดขาย

Sales Dashboard ตัวช่วยสำคัญในการดูแลทีมขายและวิเคราะห์ภาพรวมยอดขาย

sales dashboard ตัวช่วยรายงานและวิเคราะห์ยอดขาย
ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันด้วยความเร็ว การจัดการข้อมูลยอดขายด้วยตาราง Excel หลายไฟล์ หรือการต้องรอพนักงานส่งรายงาน อาจทำให้การตัดสินใจล่าช้าและพลาดโอกาสสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป

เพราะวันนี้ SellStory จะพาคุณไปรู้จักกับ Sales Dashboard หรือ Dashboard ยอดขาย เครื่องมือที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ ให้คุณเห็นภาพรวมธุรกิจอย่างทะลุปรุโปร่ง พร้อมเป็นเข็มทิศนำทางให้ทีมขายของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด!

เลือกอ่านจากสารบัญ

Sales Dashboard คืออะไร?

Sales Dashboard คือ เครื่องมือวิเคราะห์ยอดขายและติดตามผลการทำงานของทีมขายแบบเรียลไทม์ โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งมาจัดเก็บ พร้อมแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ แผนภูมิ และตาราง ไม่ว่าจะเป็น ยอดขายปัจจุบัน สถานะลูกค้าแต่ละราย หรือแม้แต่ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานแต่ละคน ก็ถูกมาจัดเก็บไว้ในที่เดียว 

ทำไม Sales Dashboard ถึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญ?

  • เห็นภาพรวมได้ทันที : Sales Dashboard รวบรวมข้อมูลยอดขายจากระบบ CRM การตลาด และการเงินไว้ในที่เดียว ทำให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ พร้อมนำไปใช้งานได้ทันที
  • วิเคราะห์และตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น : การเห็นภาพรวมแบบเรียลไทม์ ทั้งอัตรา Conversion หรือผลงานของทีมขายแต่ละคน ทำให้สามารถวิเคราะห์ยอดขายได้อย่างแม่นยำ และตัดสินใจด้านกลยุทธ์การขายและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขับเคลื่อนทีมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด : Dashboard ยอดขาย ช่วยเรื่อง Sales Management ได้ง่ายขึ้น ผ่านการดูรายงานสรุปยอดขาย และ KPI ของแต่ละคนได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ผู้จัดการทีมรู้ว่าควรให้ความช่วยเหลือใคร หรือใครควรได้รับแรงจูงใจเพิ่มเติม ทำให้ทีมทำงานได้อย่างเต็มที่และโฟกัสไปที่การปิดการขายเป็นหลัก
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กร Data-Driven ที่แข็งแกร่ง : ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลจริงได้ง่ายขึ้น ทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

อ่านบทความที่น่าสนใจ:เจาะลึก Data Management ทริคจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพ

sales dashboard ที่ดีควรมีอะไรบ้าง

Sales Dashboard ที่ดีควรมีอะไรบ้าง?

เครื่องมือรายงานสรุปยอดขายที่ดี ควรมีองค์ประกอบเหล่านี้

1. รายงานสรุปยอดขายอัตโนมัติ

ช่วยลดเวลาการทำงานซ้ำซ้อน ไม่ต้องดึงข้อมูลจากหลายไฟล์หรือทำรายงานด้วย Excel เอง ระบบจะรวมข้อมูลและสร้างรายงานสรุปยอดขายอัตโนมัติแบบเรียลไทม์

2. KPI (Key Performance Indicators)

การมี KPI ที่ชัดเจนทำให้ทีมขายรู้ว่าควรโฟกัสตรงไหน เพื่อไปถึงเป้าหมาย เช่น

  • ยอดขายรวม
  • ยอดขายตามสินค้า/บริการ
  • ยอดขายรายบุคคล
  • ยอดขายแยกตามช่องทาง ทั้งออนไลน์/ออฟไลน์
  • จำนวนลูกค้าใหม่
  • อัตราการปิดการขาย

3. ข้อมูล Sales Pipeline

แสดงสถานะ Sales Pipeline ดีลต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ ตั้งแต่ Lead ที่กำลังดีล เพื่อเจรจา หรือดีลปิดการขาย เพื่อให้ทีมไม่พลาดทุกโอกาส และผู้บริหารสามารถวัด Performance การขายของทีมได้ทันที

4. แสดงผลด้วยกราฟและแผนภูมิที่เข้าใจง่าย

แทนที่จะเห็นตัวเลขเรียงกันยาว ๆ Sales Dashboard ที่ดี ควรนำเสนอผ่านกราฟ แผนภูมิ และดัชนีที่อ่านง่าย ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจแนวโน้มการเติบโตและจุดที่ต้องแก้ไขได้ในไม่กี่วินาที

5. ฟังก์ชันการกรองข้อมูล (Filter)

ช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้สะดวก เช่น กรองตามช่วงเวลา กรองตามทีม หรือกรองตามสินค้า เพื่อดูรายละเอียดเชิงลึกในมุมที่ต้องการได้ทันที

6. Real-time Update

การตัดสินใจเรื่องการขายต้องการความรวดเร็ว ข้อมูลจ้องต้องอัปเดตแบบเรียลไทม์ เพราะข้อมูลที่สดใหม่คือสิ่งที่ช่วยให้ทีมขายปิดดีลได้ทันเวลา

7. การแบ่งสิทธิ์ผู้ใช้งาน (User Permission)

ไม่ใช่ทุกคนในทีมที่ควรเห็นข้อมูลเดียวกัน เช่น ผู้บริหาร สามารถดูภาพรวมยอดขายทั้งหมดได้ ในขณะที่ Sales ก็อาจจำกัดสิทธิ์ไว้ให้ดูเฉพาะดีลที่ตัวเองรับผิดชอบ เพื่อให้จัดการข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและเป็นระเบียบมากขึ้น

8. การแจ้งเตือนอัตโนมัติ

มีการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้ทีมขายไม่พลาดทุกโอกาสในการติดตามลูกค้า และแก้ปัญหาได้ทันที เช่น

  • ดีลใกล้ครบกำหนดแต่ยังไม่ปิด
  • ยอดขายรายเดือนต่ำกว่าเป้า
  • ลูกค้าใหม่เข้ามาในระบบ
ร้าง dashboard สรุปยอดขายยังไงดี

อยากสร้าง Dashboard เริ่มต้นอย่างไรดี?

Dashboard ยอดขายที่ดีไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด มาลงมือสร้าง Dashboard Sales ไปพร้อมกันเลย!

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

เริ่มจากทำตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าอยากเห็นอะไรใน Dashboard ยอดขาย บ้าง เช่น อยากได้ยอดขาย 1 ล้านบาทต่อปี หรืออยากได้ลูกค้าใหม่ 100 คนต่อเดือน เมื่อเป้าชัด การเดินหน้าก็ง่ายขึ้น!

2. เลือกตัวชี้วัดที่ใช่

พอมีเป้าแล้วก็ต้องมาเลือกตัวชี้วัดที่สนับสนุนเป้านั้น ๆ เช่น ถ้าเป้าคือยอดขาย 1 ล้านบาท ตัวชี้วัดก็ต้องมี ยอดขายรวม มูลค่าดีลใน Pipeline หรือ อัตราการปิดการขาย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกมาแค่ 3-4 ตัวก็พอ เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนในภายหลัง

3. แบ่งสิทธิ์เข้าถึงให้ดี

ข้อมูลบางอย่างเป็นความลับเฉพาะผู้บริหาร แต่ข้อมูลบางอย่างก็ควรแชร์ให้ทั้งทีม เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและร่วมมือกันได้อย่างเต็มที่

4.  เลือกตัวช่วยที่เข้ามือ

ในยุคนี้มีเครื่องมือมากมาย แต่ทางลัดที่ดีที่สุดคือการเลือกระบบ CRM ที่มี แดชบอร์ดวิเคราะห์ยอดขาย มาให้พร้อม ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเชื่อมต่อหลายโปรแกรมให้วุ่นวาย

5. เชื่อมข้อมูลให้เรียบร้อย

การซิงก์ข้อมูลการขายแบบเรียลไทม์ช่วยให้งานขายง่ายขึ้นเยอะ! เพราะข้อมูลใน Dashboard ของจะอัปเดตอัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งกรอกใหม่ให้เสียเวลา

6. สร้างและแชร์ Dashboard

เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็สร้าง Dashboard ในสไตล์ที่ต้องการแล้วแชร์ให้ทีม เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกัน รู้ว่าต้องทำอะไร และพร้อมที่จะพาทีมทะยานไปข้างหน้า

บริหารและวิเคราะห์ยอดขายง่ายขึ้นด้วย sellstory crm

สรุป วิเคราะห์และบริหารงานขาย Sales Dashboard ให้ง่ายขึ้นไปกับ SellStory

Sales Dashboard คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมยอดขายได้ชัดเจน ติดตาม KPI ได้ครบ วิเคราะห์แนวโน้มการขาย และใช้ข้อมูลจริงในการวางกลยุทธ์ เพิ่มโอกาสปิดการขายได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

แต่จะง่ายและครบยิ่งกว่า หากใช้ ระบบ CRM & Sales Management จาก SellStory เพราะเราไม่ได้มีแค่แดชบอร์ดยอดขาย แต่ยังรวมครบทั้งระบบเก็บข้อมูลลูกค้าเก็บและจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียด ระบบจัดการงานขาย ช่วยติดตามดีลและงานขายได้อย่างเป็นระบบ ระบบรวมแชท รวมทุกการสื่อสารจากหลายช่องทางไว้ในที่เดียว พร้อมซิงก์ข้อมูลพร้อมรายงานการขายและแดชบอร์ดวิเคราะห์ยอดขายแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ ให้ทีมขายทำงานง่ายขึ้น เห็นข้อมูลครบถ้วน และพาธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

สมัครทดลองใช้งานฟรี! ได้ทั้งบน Desktop Web Browser และ Mobile Application 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 095-371-7988 หรือแอดไลน์ @sellstory

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sales Dashboard

1. Sales Dashboard ช่วยเพิ่มยอดขายได้จริงไหม?

ช่วยได้จริง เพราะการมีข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจง่าย ช่วยให้ทีมขายตัดสินใจเร็วขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุด มีทักษะการขาย และไม่พลาดโอกาสในการปิดการขาย

2. ควรดูข้อมูลไหนใน Sales Dashboard เป็นอันดับแรก?

เริ่มจาก Sales Pipeline ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้รู้ว่าดีลที่อยู่ในมือของคุณมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว จากนั้นจึงดูรายงานสรุปยอดขายรายบุคคล เพื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ และปิดท้ายด้วยการดูว่าดีลไหนที่ใกล้จะถึงกำหนดการปิดการขายแล้วบ้าง

3. Sales Dashboard แก้ปัญหาในงานขายอะไรได้บ้าง?

Sales Dashboard ช่วยแก้ปัญหาหลักในงานขายได้หลายด้าน เช่น แสดง KPI รายบุคคลและรายทีมอย่างชัดเจน แก้ปัญหาการประเมินผลงานทีมขายยาก มีรายงานสรุปยอดขายอัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อน แยกข้อมูลตามสินค้าและช่องทางการขาย เพื่อแสดงสินค้าหรือช่องทางที่ทำเงินมากที่สุด เป็นต้น

บทความที่น่าสนใจจาก SellStory CRM

อ่านบทความ อัปเดตเทรนด์และเกร็ดความรู้ดี ๆ สำหรับงานขาย

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว...