Sales Tracking คืออะไร? ช่วยวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดอย่างไร

Sales Tracking คืออะไร? ช่วยติดตามและเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

sales tracking คืออะไร ข่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร
หนึ่งในปัญหาการขายที่พบบ่อยในหลายธุรกิจยุคปัจจุบัน คือเรื่อง การจัดเก็บข้อมูลการขายไม่เป็นระบบ ทำให้วัดผลทีมขายได้ยาก และส่งผลไปถึงการวางแผนทางธุรกิจที่ผิดพลาด ‘Sales Tracking’ คือสิ่งที่จะเข้ามาช่วยในการติดตามงานขาย ที่ไม่ใช้แค่ข้อมูลเพื่อประเมินทีมขาย แต่ยังสามารถนำไปวิเคราะห์ และต่อยอดสำหรับวางแผนทางธุรกิจให้เหมาะสมได้

เพื่อให้นักขายเข้าใจว่า Sales Tracking คืออะไร แล้วจำเป็นกับการทำธุรกิจมากขนาดไหน SellStory ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาไว้ให้ในบทความนี้แล้ว

เลือกอ่านจากสารบัญ

ความสำคัญในการติดตามการขาย

Sales Tracking คืออะไร?

Sales Tracking คือกระบวนการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลการขายที่เกี่ยวข้องซึ่งจะเป็นการติดตามภาพรวมทั้งหมดบน Sales Pipelineตั้งแต่การจัดการ Lead ไปจนถึงการติดต่อ การนำเสนอสินค้าและบริการ และขั้นตอน การจัดทำใบเสนอราคา การเจรจาต่อรอง ตลอดจนการปิดดีลและงานบริการหลังการขาย

โดยวัตถุประสงค์ของการติดตามการขาย นอกจากจะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของทีมขายแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาด และเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจของผู้มีอำนาจทางธุรกิจด้วย

ทำไม Sales Tracking คือเครื่องมือสำคัญทางธุรกิจ

การติดตามการขายด้วยวิธีบันทึก วิเคราะห์ จัดเก็บและประเมินข้อมูลการขายอย่างเป็นระบบ ทำให้ Sales Tracking มีประโยชน์สำหรับองค์กร ดังนี้ 

  • วัดผลการทำงานทีมขาย :ภาพรวมการขายที่เกิดขึ้น ช่วยให้ผู้จัดการฝ่ายขาย หรือผู้บริหารสามารถนำมาใช้ประเมินประสิทธิภาพของทีมขายรายบุคคลได้อย่างเป็นกลาง ช่วยให้มองเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขได้อย่างเหมาะสม
  • เห็นภาพรวมการขาย :ข้อมูลทั้งหมดจาก Sales Tracking คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมการขายที่เกิดขึ้นบน Sales Pipeline และนำมาใช้คาดการณ์Sales Forecast ได้แม่นยำ
  • ประกอบการตัดสินใจ :การมองเห็น Dashboard ยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ช่วยให้ฝ่ายบริหารที่มีอำนาจตัดสินใจ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น การจัดสรรทรัพยากร หรือการลงทุนกับระบบCustomer Service
  • โอกาสปิดการขาย :การติดตามการขาย ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสติดตามลูกค้า เพื่อนำเสนอโปรโมชัน สิทธิพิเศษ และการปิดการขายพร้อมรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
การติดตามการขายจาก sales dashboard สรุปยอดขาย บน sellstory

Sales Tracking กับระบบ CRM

การทำ Sales Tracking ที่มีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการช่วยติดตาม รวบรวมข้อมูลการขาย และสรุปยอดขายที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างแม่นยำ โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ตอบโจทย์และทุกงานขายต้องมีก็คือ ระบบ CRM(Customer Relationship Management) ที่มีฟีเจอร์ช่วยจัดการงานขาย และรวบรวมข้อมูลที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการซื้อสินค้า ประวัติการติดต่อ การจัดทำเอกสารการขาย และข้อมูล Dashboard สรุปยอดขาย

ตัวอย่างฟีเจอร์สำหรับ Sales Tracking บนระบบ CRM SellStory

SellStory ระบบ CRM & Sales Management เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการงานขายที่มาพร้อมฟีเจอร์เด่นมากมาย ที่ช่วยให้การทำ​ Sales Tracking คือเรื่องง่าย โดยเฉพาะฟีเจอร์ต่อไปนี้ 

1. Sales Project Management

ฟีเจอร์ช่วยจัดการงานขาย ที่สามารถมองเห็นภาพรวมและความคืบหน้าบนกระบวนการขายทั้งหมดได้อย่างละเอียด ช่วยให้ลำดับความสำคัญ วางแผนงาน และติดตามเพื่อโอกาสปิดการขายได้อย่างแม่นยำ 

2. Quotation Management

ฟีเจอร์ระบบออกใบเสนอราคาและเอกสารในการขาย นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาทำเอกสารด้วยฟอร์มที่ออกแบบได้เอง ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลในการติดตามสถานะเอกสารตั้งแต่การจัดส่ง การอนุมัติ ไปจนถึงปิดการขายได้ 

3. Customer Management

การติดตามการขายที่ดีไม่ใช่แค่ทำยังไงให้ปิดการขายได้ แต่ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว ฟีเจอร์จัดเก็บข้อมูลลูกค้านี้จะช่วยให้ติดตามได้ว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้วมีการติดต่อเพื่อขอคำแนะนำหรือความช่วยเหลือในด้านใดหรือไม่ เพราะบริการหลังการขาย คือหัวใจสำคัญของการภักดีในแบรนด์และกลับมาซื้อซ้ำ

4. Sales Report and Dashboard

ฟีเจอร์Sales Dashboard สรุปยอดขายที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ทีมขายและฝ่ายบริหารมองเห็นภาพรวมยอดขายและทิศทางของธุรกิจได้อย่างชัดเจน สามารถนำข้อมูลมาใช้วางแผนได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ยกระดับทีมขายได้ง่าย ๆ แค่ทำ Sales Tracking ที่มีประสิทธิภาพ SellStory ระบบ CRM & Sales Management คือเครื่องมือสำหรับนักขายยุคใหม่ ที่ต้องการเปลี่ยนความยุ่งยากในงานขายให้กลายเป็นเรื่องง่าย และไม่พลาดทุกโอกาสปิดดีล สามารถดูรายละเอียดได้ที่แพ็กเกจและราคา

ประโยชน์ของการทำ Sales Tracking สำหรับทีมขาย

การติดตามการขายไม่ได้มีความสำคัญแค่ต่อธุรกิจหรือองค์กรเท่านั้น เพราะสำหรับทีมขายแล้ว Sales Tracking ยังเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์ด้วย โดยเฉพาะในด้านต่อไปนี้ 

  • ลดงานเอกสารซ้ำซ้อน : การติดตามการขายบนระบบ CRM จะช่วยเปลี่ยนจากการบันทึกข้อมูลหลาย ๆ ไฟล์ มาเป็นการอัปเดตข้อมูลบนแพลตฟอร์มเดียวที่ทุกคนเข้าถึงได้ ลดการทำงานด้านเอกสารที่ยุ่งยาก
  • เก็บข้อมูลลูกค้าเป็นระบบ : Sales Tracking ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ได้อย่างเป็นระบบ แม้พนักงานขายจะลาออกไป แต่ข้อมูลก็ยังคงอยู่กับบริษัทและสามารถดำเนินการต่อได้ทันที
  • เพิ่มประสิทธิภาพการขาย : ทีมขายสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้รวดเร็ว ทำให้การเตรียมตัวนำเสนอ การติดตามผล และการให้บริการหลังการขายทำได้ดียิ่งขึ้น
  • สร้างมาตรฐานการทำงาน : การติดตามการขายบนระบบ CRM ทำให้ทุกคนในทีมขายสามารถทำงานบนกระบวนการและมาตรฐานเดียวกัน ช่วยเรื่องSales Pipelineได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการขายที่ได้จากการทำ sales tracking

เทคนิคการขายจากการทำ Sales Tracking

การมีเครื่องมือการขายที่ดีอย่างเดียวอาจไม่พอสำหรับการสร้างโอกาสปิดการขาย เพราะข้อมูลที่ได้จาก Sales Tracking คืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญ ที่ทีมขายสามารถนำมาพัฒนาเทคนิคการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ ดังนี้ 

  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับวิธีการนำเสนอ :ใช้ข้อมูลประวัติการซื้อและความสนใจของลูกค้ามาออกแบบการนำเสนอที่ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
  • การติดตาม Customer Journey : ทำความเข้าใจเส้นทางของลูกค้าตั้งแต่ก่อนเป็นลูกค้าจนถึงการเป็นลูกค้าประจำ เพื่อหาโอกาสในการเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว และโอกาส Upselling และ Cross-Selling
  • หาจุดอ่อน-จุดแข็งของทีมขาย : ผู้จัดการฝ่ายขายสามารถใช้ข้อมูลจาก Dashboard ยอดขาย เพื่อดูว่าทีมขายมักติดขัดในขั้นตอนใดของ Sales Pipeline และจัดอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในด้านนั้น
  • การปรับกลยุทธ์ตามพฤติกรรมลูกค้า : เมื่อเห็นแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าจากข้อมูลการติดตามการขาย สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับกลยุทธ์การขาย และทำการตลาดให้สอดคล้องกันได้ทันที

ทักษะการขายที่ควรมีคู่กับการใช้ Sales Tracking

เพื่อให้การใช้เครื่องมือการขายควบคู่กับ Sales Tracking เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับองค์กร พนักงานขายควรฝึกฝนและเพิ่มทักษะการขายต่อไปนี้

  • การสื่อสารและการเจรจา : ทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในงานขาย ข้อมูล Sales Tracking คือตัวช่วยสรุปภาพรวมที่ดี แต่การสื่อสารและการเจรจาที่มีประสิทธิภาพจะช่วยพาไปสู่การปิดการขายได้ดีที่สุด
  • การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก : การเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วนำตัวเลขจากงานขายมาวิเคราะห์ แล้วตีความออกมาเป็นโอกาสทางธุรกิจจะช่วยในการวางแผน คุมงบประมาณ และเลือกกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ
  • การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า : หากนำข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการสั่งซื้อ การติดต่อเจรจา มาใช้ควบคู่กับทักษะในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า จะช่วยให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์ สร้างโอกาสบอกต่อ และสั่งซื้อซ้ำได้ในระยะยาว
  • การปรับตัวต่อเทคโนโลยี : ทีมขายที่ดีต้องพร้อมที่จะเรียนรู้การใช้เครื่องมือการติดตามการขายใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้

วิธีเริ่มต้นทำ Sales Tracking ให้ได้ผล

การติดตามการขายให้ได้ผลจริงไม่ใช่แค่การดูตัวเลข แต่คือการนำตัวเลขจากข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อไปนี้คือวิธีทำ Sales Tracking ที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการนำไปวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด

1. กำหนดเป้าหมายการขายชัดเจน

เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายการขายที่ชัดเจนว่าต้องการวัดผลอะไรบ้าง เช่น จำนวนลูกค้าใหม่ อัตราการรักษาลูกค้าเดิม หรือระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนบน Sales Pipeline

2. เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจ

การทำ Sales Tracking ที่แม่นยำคือสิ่งสำคัญ ดังนั้น ควรพิจารณาขนาดทีม ความซับซ้อนของกระบวนการขาย และงบประมาณที่จะใช้สำหรับกระบวนการขายทั้งหมด เพื่อเลือกเครื่องมือการขาย หรือระบบ CRM ที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับธุรกิจได้มากที่สุด

3. กำหนด KPI และตัวชี้วัดการขาย

กำหนด KPI และสร้างตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อให้ทีมขายรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และเป็นส่วนที่จะใช้วัดผลประสิทธิภาพของทีมด้วย เช่น จำนวนดีลที่เปิดใหม่ มูลค่าดีลโดยเฉลี่ย หรือจำนวนครั้งที่ปิดการขายได้ 

4. ฝึกอบรมทีมขายให้เข้าใจวิธีใช้ Sales Tracking

เพื่อให้ได้มาตรฐานในการวัดผลที่แม่นยำและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ควรมีการจัดอบรมทีมขายให้เข้าใจการใช้ Sales Tracking และทำให้ทีมขายเห็นถึงประโยชน์พร้อมทั้งสามารถใช้งานระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5. ติดตามและปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง

Sales Tracking คือการวัดผลระยะยาว ไม่ใช่ทำครั้งเดียวจบ แต่ต้องมีการประเมินผลและปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้ทีมขายสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในงานขายได้จริง

เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ด้วยการทำ sales tracking บน sellstory

Sales Tracking ที่มีประสิทธิภาพ คือรากฐานของความสำเร็จทางธุรกิจ

Sales Trackingไม่ใช่แค่การติดตามตัวเลขยอดขาย แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจกระบวนการขายของตนเองได้อย่างลึกซึ้ง และนำมาใช้ต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้การติดตามการขายมีความแม่นยำ และนำข้อมูลมาใช้ต่อได้ง่าย ควรเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม อย่างระบบ CRM ที่มีฟีเจอร์ช่วยติดตามข้อมูลลูกค้า มีระบบจัดการงานขาย และสรุป Dashboard ยอดขายที่ใช้งานง่าย และอัปเดตได้แบบเรียลไทม์ 

สำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือผู้จัดการฝ่ายขาย ที่ต้องการ Sales Tracking ที่แม่นยำ เลือกปรับแต่งฟังก์ชันได้อย่างอิสระ SellStory ระบบ CRM & Sales Managementคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ ด้วยฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่องานขายโดยเฉพาะ ทั้งระบบจัดการข้อมูลลูกค้า ออกใบเสนอราคา ช่วยจัดการงานขาย รายงานสรุปยอดขาย และอีกมากมาย ที่จะช่วยเปลี่ยนความยุ่งยากในงานขายให้ง่ายนิดเดียว

สมัครทดลองใช้งานฟรี! ได้ทั้งบน Desktop Web Browser และ Mobile Application สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 095-371-7988 หรือแอดไลน์ @sellstory

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sales Tracking

1. Sales Tracking คืออะไร?

Sales Tracking คือกระบวนการติดตามข้อมูลการขาย เพื่อนำมาวิเคราะห์ทางธุรกิจช่วยให้ทีมขายและผู้บริหารเห็นภาพรวมการขายทั้งหมดแบบเรียลไทม์

2. การทำ Sales Tracking มีประโยชน์อย่างไร?

ใช้วัดผลงานทีมขาย ลดงานซ้ำซ้อน เก็บข้อมูลลูกค้าเป็นระบบ และเพิ่มโอกาสปิดการขายได้จริง

3. Sales Dashboard สำคัญต่อการทำ Sales Tracking ยังไง?

Sales Dashboard ช่วยแสดงข้อมูลยอดขายและ Sales Pipeline แบบเรียลไทม์ ทำให้เห็นภาพรวมของทีมขายชัดเจนขึ้น

4. ระบบ CRM ช่วยเรื่อง Sales Tracking ได้อย่างไร?

ระบบ CRM ที่ฟีเจอร์ที่ช่วยในงานขายที่หลากหลาย ผู้ใช้สามารถติดตามการขายและบริการหลังการขายได้อย่างเป็นระบบ และทำงานร่วมกันได้ง่าย

บทความที่น่าสนใจจาก SellStory CRM

อ่านบทความ อัปเดตเทรนด์และเกร็ดความรู้ดี ๆ สำหรับงานขาย