Big Data คืออะไร?
Big Data คือ ชุดข้อมูลปริมาณมหาศาลจากทุกทิศทาง ทั้งข้อมูลลูกค้าจากโซเชียลมีเดีย ยอดขายรายวัน การทำธุรกรรม พฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์ ไฟล์เอกสารสำคัญ ทั้งใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ และใบวางบิลในระบบขาย หรือแม้แต่ข้อมูลจากแชทที่ลูกค้าคุยกับเราก็ตาม
จุดสำคัญของ Big Data ไม่ได้อยู่ที่ข้อมูลเยอะเพียงอย่างเดียว แต่คือการนำข้อมูลดิบเหล่านั้นมาวิเคราะห์ (Big Data Analytics) เพื่อสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ เช่น ทำให้เข้าใจลูกค้าเชิงลึก คาดการณ์พฤติกรรมการซื้อ หรือช่วยให้การขายและการตลาดแม่นยำขึ้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ:Sales Forecast คืออะไร? พยากรณ์อย่างไรให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ลักษณะของ Big Data
Big Data มีลักษณะสำคัญที่เรียกกันว่า 5V 1C ดังนี้
1. ปริมาณ (Volume)
Big Data มีจุดเด่นที่ปริมาณข้อมูลมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้านับหมื่นราย ประวัติการซื้อหลายปี หรือข้อความจากการสนทนาหลายช่องทาง
2. ความหลากหลาย (Variety)
Big Data ไม่ได้มีแค่ตัวเลข แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ข้อความแชท รีวิวจากลูกค้า ไปจนถึงวิดีโอหรือไฟล์เสียง ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแบบรอบด้าน
3. ความเร็ว (Velocity)
ข้อมูลในโลกดิจิทัลไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องแบบ Real-time เช่น ลูกค้าที่ทักแชทมาสอบถามสินค้า การสั่งซื้อที่เกิดขึ้นทุกนาที หรือสถานะการชำระเงินที่อัปเดตตลอดเวลา หากธุรกิจสามารถประมวลผลและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ก็จะไม่พลาดโอกาสในการปิดการขาย
4. ความถูกต้อง (Veracity)
ไม่ใช่ทุกข้อมูลจะมีคุณภาพเสมอไป เพราะในบางครั้งข้อมูลก็ซ้ำ ผิด หรือไม่ครบถ้วน ดังนั้น คุณภาพของข้อมูลจึงเป็นหัวใจสำคัญ
5. คุณค่า (Value)
Big Data จะมีความหมายก็ต่อเมื่อถูกแปลงให้เป็นคุณค่าเชิงธุรกิจ เช่น ข้อมูลการซื้อซ้ำสามารถบอกได้ว่าลูกค้าคนใดควรได้รับโปรโมชันเฉพาะ หรือรายงานการขายบอกได้ว่าสินค้าตัวไหนควรโฟกัสในเดือนหน้า
6. ความซับซ้อนและความเชื่อมโยง (Complexity)
อีกหนึ่งลักษณะที่สำคัญของ Big Data คือ Complexity หรือความเชื่อมโยงของข้อมูล เช่น ลูกค้าที่เห็นโฆษณาบน Facebook แล้วคลิกเข้ามาอ่านรีวิวในเว็บ ก่อนจะสั่งซื้อผ่าน Line Official หากธุรกิจมองไม่เห็นความเชื่อมโยงนี้ ก็อาจเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Customer Journey ได้
แล้ว Big Data Analytics คืออะไร?
Big Data Analytics คือ หนึ่งในขั้นตอนการจัดการข้อมูล หรือ Data Management เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาล เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ แนวโน้ม หรือพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำไปใช้วางกลยุทธ์ให้ธุรกิจได้อย่างแม่นยำ เช่น
- ร้านค้าออนไลน์ใช้ข้อมูลการซื้อซ้ำ เพื่อแนะนำสินค้าใหม่
- ธุรกิจ B2B ใช้ข้อมูลการสื่อสารของทีมขาย เพื่อปรับกลยุทธ์ปิดการขาย
- ฝ่ายบริการลูกค้าใช้ประวัติการแจ้งปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการ

ขั้นตอนการวิเคราะห์ Big Data มีอะไรบ้าง?
การเก็บข้อมูลมาเฉย ๆ อาจยังไม่พอ หากธุรกิจต้องการให้ Big Data สร้างคุณค่า จำเป็นต้องรู้วิธีนำมาใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายด้วย
1. เข้าใจลูกค้าเชิงลึก (Customer Insight)
Big Data ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นพฤติกรรมของลูกค้าได้ชัดเจน ตั้งแต่ประวัติการซื้อ การคลิกบนเว็บไซต์ ไปจนถึงข้อความแชทที่ส่งมาทุกวัน เมื่อวิเคราะห์แล้วสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) ได้แม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ซื้อสินค้ากลุ่ม A มีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำใน 3 เดือน ทำให้ทีมขายเตรียมข้อเสนอพิเศษได้ตรงเวลา
2. ปรับกลยุทธ์การขายด้วยข้อมูลจริง (Sales Strategy)
แทนที่จะใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ ธุรกิจสามารถใช้ Big Data วิเคราะห์แนวโน้มการขาย เช่น สินค้าใดขายดีในแต่ละช่วงเวลา หรือทีมขายคนไหนมีโอกาสปิดการขายมากที่สุด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้การตั้งเป้ายอดขายและการวางกลยุทธ์เป็นไปอย่างแม่นยำ
3. ทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)
Big Data เปิดโอกาสให้ธุรกิจทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้จริง เช่น ระบบ CRM สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่เคยดูสินค้าบนเว็บไซต์แต่ยังไม่สั่งซื้อ จากนั้นส่งโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลผ่านแชทหรืออีเมล เพื่อกระตุ้นให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น
4. พัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience)
ลูกค้ายุคใหม่สื่อสารผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Instagram หรืออีเมล Big Data ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในที่เดียว ทีมขายสามารถเห็นประวัติการสื่อสารทั้งหมดทันที ลูกค้าไม่ต้องเล่าปัญหาเดิมซ้ำ ๆ ส่งผลให้ประสบการณ์โดยรวมดีขึ้นและสร้างความภักดีต่อแบรนด์
หากมี ระบบเก็บข้อมูลลูกค้าของ SellStory ที่รวบรวมประวัติการสื่อสารทั้งหมดไว้ในที่เดียว จะช่วยทำให้ทีมขายเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ช่วยให้การบริการลื่นไหล สร้างความประทับใจ และเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้อย่างง่ายดาย
5. จัดการสินค้าและบริการอย่างชาญฉลาด (Product & Service Management)
ข้อมูลจากการขาย ใบเสนอราคา หรือใบแจ้งหนี้ สามารถบอกได้ว่าสินค้าตัวไหนขายดีในฤดูกาลใด หรือสินค้าตัวใดควรลดสต๊อกลง ธุรกิจจึงสามารถบริหารจัดการสินค้าและบริการได้อย่างคุ้มค่าลดความสูญเสีย และเพิ่มกำไร
ด้วย ระบบจัดการสินค้าที่ครบวงจรของ SellStory ที่ไม่เพียงแค่เก็บข้อมูล แต่ยังช่วยให้คุณบริหารจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผนการผลิตไปจนถึงการลดสต๊อกสินค้าที่ไม่จำเป็น ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้พุ่งกระฉูด
6. ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้วยแดชบอร์ด (Business Decision Making)
Big Data จะยิ่งทรงพลังเมื่อถูกสรุปให้อ่านง่าย เช่น ผ่าน Sales Dashboard ผู้บริหารสามารถเห็นข้อมูลการขาย การตลาด และลูกค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ มีความมั่นใจมากขึ้น ลดความเสี่ยง และมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่คู่แข่งยังไม่ทันสังเกต
อ่านบทความที่น่าสนใจ:5 วิธีใช้ระบบ CRM ให้เซลล์ปิดการขายได้เร็วขึ้น
ประโยชน์ของ Big Data ต่อธุรกิจ
Big Data ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อมูลจำนวนมาก แต่เป็นพลังที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริง ไม่ว่าจะเป็น
- เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง: รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ซื้อเมื่อไร และผ่านช่องทางไหน
- เพิ่มประสิทธิภาพการขาย: บริหารทีมขายด้วยข้อมูลจริง ไม่ใช่การคาดเดา
- ปรับกลยุทธ์การตลาดได้ตรงจุด: เลือกยิงโฆษณาเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสซื้อจริง
- ช่วยตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ: มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงธุรกิจ ลดความเสี่ยง
- สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน: ใช้ข้อมูลมาสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล (Personalization)

สรุป การวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ได้แม่นยำขึ้นด้วย CRM & Sales Management จาก SellStory
Big Data คือคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง หากมีการวิเคราะห์ข้อมูลและนำมาใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้องค์กรเข้าใจลูกค้าและตลาดได้ลึกขึ้น ตัดสินใจแม่นยำ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และพร้อมใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
CRM & Sales Management จาก SellStory พร้อมช่วยธุรกิจของคุณเปลี่ยน Big Data ให้กลายเป็นพลังในการขายและการสร้างความสัมพันธ์ลูกค้าอย่างมืออาชีพ ด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์อย่าง ระบบเก็บข้อมูลลูกค้า ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าแต่ละรายได้อย่างลึกซึ้ง และระบบจัดการสินค้าให้คุณบริหารจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบ วางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพลงทะเบียนใช้งานฟรี และเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นพลังในการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 095-371-7988 และไลน์ @sellstory
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Big Data
1. Big Data มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
ความเสี่ยงหลักคือเรื่อง ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล หากไม่มีการจัดการที่ดี อาจเกิดการรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
2. Big Data เหมาะกับธุรกิจใด?
Big Data สามารถใช้ได้กับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก E-commerce โรงงาน หรือบริการ B2B เพราะทุกธุรกิจต่างมีข้อมูลลูกค้าและการขายอยู่แล้ว เพียงแต่ใครที่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ได้ก่อน ก็จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
3. ต้องมีทีม Data Scientist ในการใช้ Big Data ไหม?
ไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม CRM & Sales Management อย่าง Sellstory ที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย แม้ไม่มีทีมวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ธุรกิจก็สามารถใช้รายงานและแดชบอร์ดที่สร้างจาก Big Data ได้ทันที