Sales Tools คืออะไร? แนะนำเครื่องมือช่วยทีมขายทำงานง่ายขึ้น

Sales Tools คืออะไร? แนะนำเครื่องมือช่วยทีมขายทำงานง่ายขึ้น

sales tools เครื่องมือการขายที่ช่วยให้งานขายจัดการได้ง่ายขึ้น
ในโลกการขายยุคใหม่ ข้อมูลและความเร็วถือเป็นอาวุธสำคัญของนักขาย "Sales Tools หรือ เครื่องมือการขาย จึงกลายเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องมี เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำงานของทีมขายง่ายขึ้น ลดงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน ยังช่วยให้ปิดการขายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้นอีกด้วย

วันนี้ SellStory จะพาคุณไปรู้จักว่า “Sales Tools คืออะไร” และทำไมถึงถูกเรียกว่าอาวุธลับของธุรกิจยุคดิจิทัล พร้อมทั้งเคล็ดลับวิธีเลือกใช้ให้เหมาะกับทีมขายของคุณ!

เลือกอ่านจากสารบัญ

Sales Tools คืออะไร?

Sales Tools คือ เครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้ทีมขายทำงานง่ายขึ้น โดยช่วยออกแบบมา เพื่อช่วยให้ทีมขายบริหารงานขาย (Sales Management) ตั้งแต่การเก็บข้อมูลลูกค้า ไปจนถึงการปิดการขายอย่างมืออาชีพได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เหมือนมีผู้ช่วยที่คอยจดข้อมูลลูกค้าให้แทน ไม่ต้องกลัวตกหล่น ปวดหัวกับเอกสารกองโต หรือคอยกรอกข้อมูลซ้ำ ๆ อีกต่อไป

ประเภทของ Sales Tools ที่ธุรกิจนิยมใช้

ก่อนจะเลือกใช้ Sales Tools เราต้องเข้าใจก่อนว่าแต่ละประเภทมีหน้าที่อะไร และช่วยทีมขายได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!

1. CRM (Customer Relationship Management)

CRM คือ เครื่องมือการขายที่ใช้เก็บและบริหารข้อมูลลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ประวัติการติดต่อ ความต้องการ หรือโอกาสในการขาย รวมข้อมูลไว้ที่เดียวให้ทีมขายทุกคนเข้าถึงได้ ช่วยให้ทีมขายรู้จักลูกค้าได้ลึกขึ้น ไม่พลาดการ Follow-up แถมยังช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาวได้อีกด้วย

อ่านบทความที่น่าสนใจ : ระบบ Customer Relationship Management สำคัญกับงานขายอย่างไร

2. Sales Automation Tools

Sales Automation Tools คือ เครื่องมือการขายที่เปลี่ยนงานซ้ำซากกลายเป็นอัตโนมัติ เช่น ส่งอีเมลติดตาม แจ้งเตือนดีล อัปเดตสถานะ เป็นการตั้งค่า Workflow ให้ระบบทำงานแทนคน ทำให้ประหยัดเวลาในงานขาย ลดงานเอกสาร และช่วยให้ทีมขายโฟกัสกับการเจรจาและปิดการขาย ได้ดียิ่งขึ้น

เพิ่มยอดขายและโอกาสในการปิดดีล ด้วย : 12 ทักษะการขายที่นักขายยุคใหม่ต้องรู้ ช่วยปิดการขายได้มากกว่าที่คิด

3. Communication Tools

Communication Tools คือ เครื่องมือการขายที่ช่วยให้การสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เรียลไทม์ และครบทุกช่องทาง เช่น Chatbot, LINE, Email & SMS Campaign ไปจนถึง Video Call หรือ Meeting Tools ทำให้ทีมขายไม่พลาดข้อความจากทุกช่องทาง สามารถตอบกลับลูกค้าได้ตลอดเวลา เพิ่มโอกาสปิดดีล และยังสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

4. Lead Management Tools

Lead Manaagement Tools คือ เครื่องมือการขายที่ช่วยดึงดูดและจัดการ Lead ที่เข้ามาจากหลายช่องทาง โดยจัดลำดับความสำคัญ Lead เพื่อส่งต่อให้ทีมขายติดตาม ช่วยให้หาโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมโฟกัสลูกค้าที่มีศักยภาพสูงได้แบบไม่พลาดโอกาสสำคัญในการปิดดีล

5. Quotation & Billing Tools

Quotation & Billing Tools คือ เครื่องมือการขายสำหรับออกใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ และใบวางบิล ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดในการออกเอกสาร ทำให้การทำงานไวขึ้น และเพิ่มความเป็นมืออาชีพให้ธุรกิจ

6. Reporting & Analytics Tools

Reporting & Analytics Tools คือ เครื่องมือการขายที่ช่วยรายงานผลและวิเคราะห์ข้อมูลการขายแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมเห็นว่า Lead ไหนมีโอกาสปิดมากที่สุด สินค้า/บริการไหนขายดี รวมถึงผู้บริหารเองก็สามารถใช้ข้อมูลจริงวางกลยุทธ์การขายได้อย่างแม่นยำ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมขายของคุณวันนี้! ด้วยระบบ CRM จาก SellStory ระบบเดียวที่รวม Sales Tools ทุกประเภทไว้ครบถ้วน ตรวจสอบแพ็กเกจและเริ่มต้นใช้งานได้เลย ตรวจสอบแพ็กเกจที่นี่

ธุรกิจยุคใหม่ควรใช้ sales tools

ทำไมธุรกิจถึงต้องใช้ Sales Tools?

หลายธุรกิจที่ยังไม่เคยใช้เครื่องมือการขาย อาจคิดว่าใช้ Excel ก็น่าจะเพียงพอ จริงอยู่ที่ Excel เป็นเครื่องมือที่ดีมากตัวหนึ่ง เหมาะสำหรับการเก็บเลขบัญชี แต่เมื่อต้องใช้ดูแลลูกค้าหลายร้อยรายพร้อมกัน ไม่เวิร์กแน่นอน Sales Tools จึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การขายง่ายขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • เก็บข้อมูลลูกค้าเป็นระบบ :ไม่ต้องไล่หากระดาษโพสต์อิท หรือไฟล์ Excel เวอร์ชันล่าสุดอีกต่อไป
  • ลดงานซ้ำซ้อน : ไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำไปซ้ำมา หรือทำงานเดิมซ้ำหลายรอบ
  • เพิ่มโอกาสปิดการขาย :รู้ว่าใครคือ Hot Lead ที่พร้อมซื้อจริง
  • เห็นภาพรวมธุรกิจแบบเรียลไทม์ : Sales Dashboard และ Report สรุปทุกอย่างให้ครบในคลิกเดียว
  • ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลแบบ VIP : Follow-up ตลอดไม่มีพลาด
เลือก sales crm tools ให้เหมาะกับธุรกิจต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง

วิธีเลือก Sales Tools ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

การเลือก Sales Tools ก็เหมือนการเลือกคู่หูทางธุรกิจ ถ้าเลือกผิด อาจจะพังยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้าเลือกถูก บอกเลยว่าธุรกิจวิ่งฉิวเหมือนติดจรวด การจะเลือกใช้เครื่องมือการขายสักตัว ต้องดูปัจจัยเหล่านี้

1. รู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน

ต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าธุรกิจของเราเป็นแบบไหน ถ้าเป็น SME ที่เพิ่งเริ่มต้น ก็ควรเลือก Sales Tools ที่ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน เน้นความคล่องตัว แต่ถ้าเป็นองค์กรใหญ่ที่มีทีมขายหลายสิบคน ก็ควรหาซอฟต์แวร์ที่รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก และมีระบบสิทธิ์ให้จัดการได้ละเอียด เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องเข้าถึงข้อมูลเท่ากัน

2. งบประมาณชัด ฟังก์ชันโดน

Sales Tools มีหลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยต่อเดือน ไปจนถึงหลักหมื่น แต่การเลือกเครื่องมือการขายที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้แพ็กเกจแพงสุดเสมอไป แต่ควรเช็กว่าฟีเจอร์ไหนที่เราขาดไม่ได้ มีฟีเจอร์ที่เราต้องใช้ครบหรือเปล่า เช่น บางธุรกิจต้องการระบบที่ออกใบเสนอราคาได้แบบปรับแต่งเอง และอยากเห็นรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์ทันที Sellstory ถือว่าตอบโจทย์ครบทุกฟีเจอร์ในแพ็กเกจเดียว

3. ใช้งานง่าย ทีมขายเรียนรู้ได้ไว

หากเลือกเครื่องมือที่หน้าตาดูดี แต่การใช้งานซับซ้อนจนทีมขายใช้ไม่เป็น ก็เท่ากับเสียเวลาเปล่า เพราะกว่าจะสอน กว่าจะปรับตัว ธุรกิจก็ช้าไปหลายก้าว ดังนั้น ควรเลือก Sales Tools ที่ใช้งานง่ายอินเตอร์เฟสเข้าใจได้ในไม่กี่นาที และมีทีมงานคอยซัพพอร์ตหรือคู่มือการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อให้ทีมขายโฟกัสกับการขาย ไม่ใช่การเรียนซอฟต์แวร์

4. เชื่อมต่อได้กับเครื่องมืออื่น ๆ

ยุคนี้ธุรกิจไม่ได้ทำงานอยู่ในระบบเดียวแน่นอน ซึ่งอาจจะมีทั้ง LINE OA, E-commerce, ERP หรือระบบบัญชีที่ใช้อยู่แล้ว ถ้า Sales Tools ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือเหล่านี้ได้ ก็ไม่ตอบโจทย์ การเลือกเครื่องมือที่รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายจะช่วยให้ข้อมูลไหลเวียนสะดวก และทีมขายไม่ต้องเสียเวลาสลับไปมาหลายแพลตฟอร์ม

5. บริการหลังการขายก็สำคัญ

แม้จะได้ Sales CRM Tools ที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีทีมคอยช่วยเหลือ เวลามีปัญหาก็อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้เลย เพราะฉะนั้นควรมองหา Sales Tools ที่มีบริการหลังการขายจริงจัง มีทีมงานคอยให้คำปรึกษา อบรมการใช้งาน และพร้อมช่วยแก้ปัญหาเสมอ ถึงจะเป็นการลงทุนในระบบ CRM ที่คุ้มค่าที่สุด

sellstory crm tools เครื่องมือการขายแบบครบวงจร

สรุป Sales Tools จาก SellStory ตัวเดียว ครบ จบ ทุกการขาย

เครื่องมือการขายที่ดีจะช่วยยกระดับทั้งทีมขายและธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด การเลือกใช้ Sales Tools ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องใช้ทุกประเภท แต่ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ และถ้าอยากได้แบบ ครบวงจรในที่เดียว Sellstory CRM ก็พร้อมให้ทุกฟีเจอร์เหล่านี้รวมกัน ไม่ต้องเสียเวลาซื้อระบบแยกหลายตัวแล้วมาต่อเองให้ปวดหัว

CRM & Sales Management ถูกออกแบบมาให้เป็น Sales CRM Tools แบบครบวงจร เพื่อช่วยทีมขายของคุณจัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่การเก็บและบริหารข้อมูลลูกค้า การจัดการงานขาย การรวมแชท การออกใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ และใบวางบิล ไปจนถึงการดูรายงานยอดขายและแดชบอร์ด

หากคุณสนใจสามารถลงทะเบียนใช้งานฟรีได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 095-371-7988 และไลน์ @sellstory 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sales Tools

1. Sales CRM Tools ต่างจาก Sales Tools ทั่วไปยังไง?

Sales CRM Tools จะเน้นไปที่การเก็บและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) ทำให้ทีมขายรู้จักลูกค้าได้ลึกขึ้นและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวได้ดีกว่า ส่วน Sales Tools ทั่วไปอาจช่วยเฉพาะด้าน เช่น การสื่อสาร หรือการทำเอกสาร เป็นต้น

2. ธุรกิจเล็ก ๆ (SMEs) ต้องใช้ Sales Tools ไหม?

สามารถใช้ได้ เพราะยิ่งทีมเล็ก ยิ่งต้องการเครื่องมือที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อนและจัดการข้อมูลลูกค้าให้ง่ายขึ้น เพื่อให้ทีมขายมีเวลามากขึ้นในการปิดดีล

3. ถ้าเพิ่งเริ่มต้น ธุรกิจควรเลือกใช้ Sales Tools อะไรเป็นหลัก?

เริ่มต้นควรเน้นไปที่ CRM ก่อน CRM คือรากฐานของการขายที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารลูกค้า การติดตามดีล หรือการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว เมื่อมี CRM เป็นฐานแล้ว ค่อยต่อยอดด้วย Automation, Communication Tools หรือ Reporting ได้ตามต้องการในภายหลัง

บทความที่น่าสนใจจาก SellStory CRM

อ่านบทความ อัปเดตเทรนด์และเกร็ดความรู้ดี ๆ สำหรับงานขาย

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว...