การใช้งานระบบ CRM สำหรับธุรกิจค้าปลีก
ระบบ CRM สำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยมากแล้วจะเน้นการขายให้กับลูกค้าทั่วไป (B2C) ที่มียอดซื้อขนาดเล็กตั้งแต่ 1 ชิ้นขึ้นไป แต่เป็นธุรกิจที่มีความถี่ในการซื้อสูงกว่าธุรกิจแบบค้าส่ง ซึ่งการใช้ CRM System เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการขาย ต้องมีระบบที่ช่วยบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า และบริหารงานขายได้อย่างรวดเร็ว ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน ซึ่งธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ระบบ CRM ในการทำงานได้ ดังนี้

1. การจัดการข้อมูลลูกค้า
การใช้ระบบ CRM ในธุรกิจค้าปลีก ต้องจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียด เช่น ช่องทางการติดต่อ ความสนใจ ประวัติการซื้อ ประวัติการพูดคุยผ่านช่องทางแชท อย่างเช่นฟีเจอร์ “ระบบจัดการข้อมูลลูกค้า” ของ SellStory ที่จัดการข้อมูลลูกค้าได้ครบถ้วน ปรับแต่งได้ง่าย ช่วยให้ธุรกิจติดตาม Customer Lifetime Value (CLTV) เพื่อคัดกรองลูกค้าที่มีคุณค่า และวางแผนรักษาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการใช้งาน :
ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ระบบ CRM SellStory ในการจัดเก็บข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้ารายบุคคลได้ ทำให้สามารถดู สินค้าที่ซื้อบ่อย ความสนใจ ขนาดและจำนวนสินค้า รวมถึงช่องทางการติดต่อ เพื่อนำเสนอโปรโมชัน หรือสินค้าใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการลูกค้าได้ทันที

2. การตลาดแบบเฉพาะบุคคล
ระบบบริหารงานขาย บน CRM System ช่วยให้สามารถนำข้อมูลไปสร้างแคมเปญและการตลาดเฉพาะบุคคลได้ เช่น อีเมล SMS โซเชียลมีเดีย อย่างใน SellStory ก็มีฟีเจอร์บริหารงานขาย ที่ช่วยให้ลำดับความสำคัญของลูกค้าได้ง่าย ไม่ตกหล่น พร้อมทั้งยังวิเคราะห์ความสนใจ ติดตามสถานะ เพื่อนำเสนอการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการใช้งาน :
การใช้ฟีเจอร์จัดการข้อมูลลูกค้าร่วมกับระบบบริหารงานขาย บนระบบ CRM SellStory เพื่อจัดทำระบบ Loyalty Program Management เพื่อสร้างโปรแกรมสะสมแต้ม และสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าประจำ เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำต่อได้ในอนาคต
อ่านบทความที่น่าสนใจ :4 เทคนิคการใช้ระบบ CRM เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

3. อัปเดตสถานะการขายได้แบบเรียลไทม์
ในการปิดการขายแต่ละครั้ง เซลหรือทีมขาย ต้องบันทึกวันที่ปิดดีลหรือวันที่คาดว่าจะปิดดีล เพื่อเก็บข้อมูลการขายได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งระบบ CRM ของ SellStory รองรับการใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ทำให้อัปเดตข้อมูลการขายเข้าสู่ระบบ CRM ได้ทันที เพื่อให้ทีมนำข้อมูลสรุปการขายสำหรับวิเคราะห์แนวโน้ม และภาพรวมสำหรับวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม โดยสามารถ Export เป็นรูปแบบ Excel เพื่อนำไปใช้งานต่อได้ทันที
ตัวอย่างการใช้งาน :
ฟีเจอร์รายงานการขายและแดชบอร์ด บน CRM SellStory สามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ “Job Card” ที่ช่วยวางแผนกและตรวจสอบสถานะได้อย่างรวดเร็ว ช่วยดึงข้อมูลสรุปการขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ และเลือกดูยอดขายที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือเลือกดูเฉพาะเซลแต่ละคน พร้อมทั้งดูมูลค่าของแต่ละดีลได้ ทำให้การนำมาวิเคราะห์ต่อเป็นเรื่องง่ายและทำได้ทันที
การใช้งานระบบ CRM สำหรับธุรกิจค้าส่ง
สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าส่ง เจ้าของธุรกิจจะมุ่งเน้นไปที่การขายสินค้าจำนวนมากภายในครั้งเดียว และเป็นการขายให้กับลูกค้าธุรกิจ (B2B) ซึ่งเมื่อเกิดการสั่งซื้อแล้ว ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่องในอนาคต การใช้ระบบบริหารงานขาย อย่าง CRM สำหรับธุรกิจค้าส่งจึงไม่ได้ช่วยเรื่องการจัดการงานขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าด้วย โดยธุรกิจค้าส่งสามารถนำระบบ CRM มาใช้บริหารงานขายให้เกิดประสิทธิภาพได้หลายด้าน ดังนี้

1. ช่วยคัดกรอง Lead
ระบบ CRM มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการจัดการข้อมูลลูกค้า ที่สามารถจัดระเบียบฐานข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไว้ในที่เดียว ช่วยให้เรียกดูข้อมูลอัปเดตที่เป็นปัจจุบันได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งยังปรับแต่งฟอร์มข้อมูลลูกค้า และจัดกลุ่มประเภทของลูกค้าได้ตามต้องการ ทำให้ทีมขายคัดกรองได้ว่ากลุ่มไหนบ้างที่เป็น Lead เพื่อนำเสนอกลยุทธ์ที่จะพัฒนาต่อให้กลายเป็นลูกค้าได้ในอนาคต
ตัวอย่างการใช้งาน :
การใช้ฟีเจอร์ “Chat Center” หรือระบบรวมแชทร่วมกับฟีเจอร์จัดเก็บข้อมูลลูกค้า บนระบบ CRM SellStory ช่วยให้ทีมขายคัดกรองได้ง่ายขึ้นว่า Lead มีโอกาสพัฒนาต่อเป็นลูกค้าหรือไม่ และยังช่วยให้ติดตามสถานะบนSales Pipeline ของลูกค้าแต่ละรายได้ง่าย โดยที่ทีมขายจะบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับลูกค้าได้ทั้งหมด เช่น การโทรและแชท รวมทั้ง To do list ที่ต้องทำให้กับลูกค้าคนนั้น ๆ ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสปิดดีลสำคัญ

2. การจัดการด้านเอกสารที่รวดเร็ว
การทำธุรกิจกับลูกค้าแบบ B2B เอกสารที่ใช้ในการขายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการออกเอกสารสำคัญที่ใช้ในการขาย เช่นใบเสนอราคา, ใบวางบิล/ใบแจ้งหนี้ และใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน อาจเป็นขั้นตอนที่วุ่นวายสำหรับทีมขายหากต้องใช้หลายโปรแกรมในการออกเอกสาร CRM System ที่ดีจึงต้องมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยออกเอกสาร เพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และไม่พลาดการนำเสนอขายที่รวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้งาน :
ฟีเจอร์ “เอกสารการขาย” บนระบบ CRM ของ SellStory ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนของการออกเอกสารเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการ ทำใบเสนอราคา, ทำเอกสารใบวางบิล หรือใบเสร็จรับเงินหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการขาย ทั้งหมดสามารถจัดการได้ทุกที่ทุกเวลา และทำได้เพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ :ใบแจ้งหนี้ (Invoice) และใบวางบิล (Billing Note) คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ?

3. การวิเคราะห์ภาพรวมจากรายงานสรุปการขาย
ธุรกิจขายส่งมักมาพร้อมปริมาณยอดขายจำนวนมาก ซึ่งมีมูลค่าในแต่ละครั้งที่สูงกว่าขายปลีก การวิเคราะห์และสรุปรายงานการขายจึงเป็นอีกส่วนประกอบที่สำคัญของธุรกิจรูปแบบนี้ เพราะช่วยให้เห็นภาพรวมสำหรับวิเคราะห์ยอดขายและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมขายได้ ด้วยชุดข้อมูลที่สรุปการขายของเซลแต่ละคน และมีเซลคนไหนที่ยังต้องการกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อโอกาสปิดการขายบ้าง โดยที่ข้อมูลสรุปการขายต้องตรวจสอบได้ง่าย ดูได้แบบเรียลไทม์ และเลือกช่วงเวลาที่ต้องการได้
ตัวอย่างการใช้งาน :
ผู้จัดการฝ่ายขายสามารถใช้Dashboard และรายงานการขาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ SellStory ออกแบบมาเพื่อให้ดูสถิติยอดขายรายไตรมาส เพื่อปรับแผนการขายให้สอดคล้องกับเป้าหมายได้ทันท่วงที และนำข้อมูลการขายที่ได้มาคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการติดตามการขายของเซลเป็นรายบุคคล เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมขายได้ตรงจุด

4. จัดการข้อมูลสินค้าและบริการได้ง่าย
หลายธุรกิจมีประเภทสินค้า หรือบริการที่หลากหลาย ซึ่งบางครั้งมาพร้อมข้อมูลเชิงลึกที่ต้องทำความเข้าใจและค้นหานาน จนทำให้พลาดโอกาสปิดการขาย ระบบ CRM คือตัวช่วยจัดการด้านสินค้าหรือบริการที่ สะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ทีมขายนำเสนอข้อมูลสินค้าได้ทันทีที่ลูกค้าต้องการ และยังแนะนำข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้องแม่นยำ สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้ ช่วยสร้างโอกาสปิดดีล และเพิ่มยอดขายจากการUpselling และ Cross Selling ได้มากขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน :
ฟีเจอร์จัดการสินค้าและบริการ บนระบบ CRM ของ SellStory สามารถเลือกจัดเก็บข้อมูลสินค้า และบริการได้อย่างครอบคลุม เป็นระเบียบ ค้นหาได้ง่าย โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่งที่มักจะถูกขอข้อมูลสินค้าและบริการเพื่อประกอบการตัดสินใจ การใช้งานฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ทั้งเซลหรือแอดมิน ส่งข้อมูลสินค้าได้ทันที ตรงความต้องการของลูกค้า และยังใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Chatbot บนระบบรวมแชทได้ ไม่ต้องคอยอธิบายข้อมูลสินค้าซ้ำ ๆ ลดขั้นตอนการทำงาน แต่เพิ่มประสิทธิภาพการขายได้ในระยะยาว

ทำไม SellStory ถึงเป็น ระบบ CRM ที่ตอบโจทย์สำหรับ ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจค้าส่ง
ระบบ CRM SellStory ถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจเพื่อให้รองรับการใช้งานทั้งสำหรับธุรกิจแบบ B2C และ B2B ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ใช้งานได้ง่าย ลดขั้นตอนการทำงานของเซล แอดมิน และเจ้าของธุรกิจ พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ช่วยยกระดับให้กับงานขาย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกขั้นตอน เพื่อให้การขายเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย และใช้ได้จริง เช่น ฟีเจอร์จัดเก็บข้อมูลสินค้า ที่ปรับแต่งและคัดกรองได้สะดวก ทำความเข้าใจได้ง่าย, ฟีเจอร์ระบบรวมแชท ที่สามารถติดตามข้อความลูกค้าที่เข้ามาได้จากทุกช่องทางในหน้าแชทเดียว หรือระบบจัดการเอกสาร ทำใบเสนอราคา ไปจนถึงใบเสร็จรับเงิน เรียกได้ว่าครบถ้วนในทุกขั้นตอนของงานขายเลยทีเดียว
สำหรับท่านเจ้าของธุรกิจ หรือผู้จัดการฝ่ายขาย ที่กำลังมองหาโซลูชั่นดี ๆ ที่ช่วยให้กระบวนการขายเป็นเรื่องง่าย และทำงานได้ราบรื่นโดยไม่ลดประสิทธิภาพลง ระบบ CRM ของ SellStory คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ ช่วยให้งานขายของคุณไม่มีสะดุด สามารถทดลองสมัครใช้งานฟรี! ได้แล้ววันนี้
สอบถามข้อมูล โทร. 095-371-7988 หรือแอดไลน์@sellstory